ปฐมวัย : เนิสเซอรี่และอนุบาล

          “บ้านโมกเนิสเซอรี่” รับดูแลเด็กเล็กตั้งแต่ 2 ขวบเป็นต้นไป และรับเด็กได้ตลอดเวลาทั้งปี (ตามความเหมาะสมและการพิจารณาของ ครูผู้ดูแล) มีการหยุดพักปิดเทอมเป็นช่วงในแต่ละเทอม โดยใน 1 ปีการ ศึกษาจะมี 2 เทอม ตามจดหมายที่จะแจ้งให้ครอบครัวทราบล่วงหน้า  
           เด็ก ๆ จะได้อยู่ในชั้นเนิสเซอรี่บ้านโมกกับครูผู้ดูแลหลักของเขาเป็นเวลาอย่าง น้อย 1 ปีเต็มและเมื่อเด็กอายุประมาณ 3 ปี 8 เดือน ก็จะได้ไปอยู่ห้องอนุบาล
             ห้องอนุบาล “บ้านหม่อน” จะมีเด็กอายุตั้งแต่ 3.4 ปี ไปจนถึง 5-7 ขวบ จัดเป็นกลุ่มคละอายุภายในห้องเดียวกัน

ดังนั้นจึงไม่มี การแบ่งแยกชั้นเป็นอนุบาล 1 อนุบาล 2 หรือ 3

การจัดกลุ่มคละอายุเด็กส่งผลดีต่อกระบวนการเรียนรู้ของเด็ก พัฒนาเรื่องทักษะชีวิต อีกทั้งยังส่งเสริมพัฒนาการโดยรอบด้านมากกว่าการแบ่งแยกตามอายุเดียวกันเป็นห้อง ๆ

  “ในช่วงวัยแรกเริ่ม เด็กไม่ได้เรียนรู้ผ่านคำพูด แต่เรียนรู้ผ่านประสบการณ์ของร่างกาย หัวใจ และความรู้สึกปลอดภัย” การดูแลเด็กเล็กในแนววอลดอร์ฟ โดยเฉพาะในช่วงวัย 0-7 ปีแรกของชีวิต มุ่งเน้นการสร้างโลกที่ “เด็กวางใจได้” ผ่านสิ่งแวดล้อมที่อบอุ่น ธรรมชาติที่อ่อนโยน และความสัมพันธ์กับผู้ดูแลที่มั่นคง นี่คือวัยที่ยังไม่เน้นการสอนหรือการเร่งพัฒนา แต่เป็นช่วงเวลาของ “การซึมซับ” โลกอย่างลึกซึ้งผ่านร่างกายและประสาทรับรู้ขั้นพื้นฐาน
หลักคิด 4 Senses: ประตูสู่โลกในวัยต้น ช่วงวัยนี้ เด็กกำลังพัฒนา “ประสาทรับรู้พื้นฐาน” 4 ด้านที่เป็นรากฐานของชีวิต:
  1. สัมผัสทางกาย: เด็กเรียนรู้ว่า “โลกปลอดภัย” ผ่านการถูกห่อหุ้ม โอบกอด และสัมผัสอย่างอ่อนโยน
  2. ความรู้สึกเคลื่อนไหว: การได้เคลื่อนที่ด้วยตัวเอง ทำให้เด็กเริ่มรู้จักตัวเองและโลก
  3. ความรู้สึกเกี่ยวกับชีวิต (Well-being): ผ่านกิจวัตรที่อบอุ่น อาหาร พักผ่อน และความสม่ำเสมอ เด็กซึมซับความมั่นคงทางอารมณ์
  4. ความสมดุล: การปีนป่าย เดิน วิ่ง ช่วยให้เด็ก “ตั้งตัวได้” ทั้งร่างกายและจิตใจ
จังหวะชีวิต: ความสม่ำเสมอที่ทำให้เด็ก วางใจได้ ในแนววอลดอร์ฟ เด็กเล็กไม่ต้องรู้จักคำว่า “วันจันทร์” หรือ “บ่ายสองโมง” แต่เขาจะจำได้ว่า วันนี้คือวันทำขนมปัง หรือ วันนี้คือวันระบายสีน้ำ — นี่คือการรับรู้ผ่าน “จังหวะชีวิต” ที่มีความสม่ำเสมอและอบอุ่น   “ความสม่ำเสมอคือของขวัญให้เด็กมั่นใจว่าโลกนี้ไม่วุ่นวายเกินไปสำหรับพวกเขา” จังหวะนี้สร้างกรอบที่ปลอดภัยให้เด็กใช้พลังในการเล่น เรียนรู้ และซึมซับโลกอย่างเป็นธรรมชาติ

พลังของนิทาน: รากของจินตนาการและจริยธรรม

     ในแนววอลดอร์ฟ “นิทาน” คือของขวัญล้ำค่าที่เรามอบให้เด็ก ๆ ไม่ใช่เพื่อความบันเทิง แต่เป็นการสร้างภาพในใจ เป็นการโอบอ้อมโลกภายในด้วยถ้อยคำอ่อนโยน และเนื้อหาที่มีจริยธรรมแฝงอยู่ในเรื่องราว

     “เด็กไม่ต้องเข้าใจนิทานทั้งหมด แต่จิตใจเขาจะซึมซับ ‘ความจริงของชีวิต’ ผ่านภาพที่เกิดขึ้นจากคำพูดที่มีชีวิต”

     นิทานถ่ายทอดผ่านเสียงของครูผู้ที่เด็กไว้ใจ เป็นกิจกรรมที่เต็มไปด้วยการฟังอย่างตั้งใจและสงบ เด็กได้ฝึกสมาธิ ฝึกการรอคอย และเรียนรู้ว่าภาษาสามารถเป็นสะพานสู่อารมณ์และจิตใจได้

การเล่นอิสระ: การเรียนรู้ที่ลึกและแท้จริง

     ในวัยนี้ “การเล่น” ไม่ใช่สิ่งแทรกในตารางเรียน แต่คือหัวใจของการเรียนรู้ทั้งหมด เด็กไม่จำเป็นต้องมีของเล่นมากมายหรือคำสอนมากมาย พวกเขาแค่ต้องมี เวลา พื้นที่ และอิสระ

     “การเล่นคือภาษาแม่ของเด็กเล็ก และโลกภายในของเขาจะค่อย ๆ ผลิบานผ่านการเล่นนี้เอง”

     ของเล่นส่วนใหญ่เป็นวัสดุธรรมชาติ เช่น ผ้าฝ้าย ก้อนไม้ ตะกร้า และของทำมือที่เรียบง่าย เพื่อเปิดพื้นที่ให้เด็กใช้จินตนาการและแปลงสิ่งต่าง ๆ เป็นอะไรก็ได้ตามที่ใจต้องการ

      ผ่านการเล่นอิสระ เด็กได้ฝึกสมาธิ ความคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหา และเรียนรู้สังคมอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นโดยไม่ต้องเร่ง ไม่ต้องเร้า — แค่ให้เขาได้ เป็นเด็กอย่างแท้จริง

สร้างโลกที่วางใจได้เพื่อเติบโตอย่างเป็นธรรมชาติ

     “เราไม่เร่งให้เด็กเป็นผู้ใหญ่ แต่เราสร้างโลกที่เด็กอยากเติบโตอยู่ในนั้น”

     แนวทางวอลดอร์ฟสำหรับเด็กเล็กคือการวางรากของชีวิต — ผ่านจังหวะที่มั่นคง สัมผัสที่อ่อนโยน นิทานที่มีชีวิต และการเล่นที่อิสระ โลกที่ช้าและปลอดภัยใบนี้จะทำให้เด็กค่อย ๆ แย้มกลีบดอกของตนเองอย่างเต็มใจ

ดุลยพัฒน์

“เราไม่เร่งให้เด็กเป็นผู้ใหญ่ แต่เราสร้างโลกที่เด็กอยากเติบโตอยู่ในนั้น”

Scroll to Top